ฝากซื้อของอย่างไรไม่ให้เสียมารยาท

         

 

เรื่องเล็กๆที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ๆ

ทันทีที่แผนการเดินทางไปต่างประเทศถูกเผยแพร่ออกไปเชื่อว่าหลายๆท่านคงเคยเจอเหตุการณ์ของกองทัพนักฝาก ฝากซื้อสารพัดสิ่งตั้งแต่ของกิน ของใช้ ของเล่น ของสะสม ของขึ้นชื่อ ฝากซื้อเพื่อเอาไว้ใช้ของตนเองนั้นก็พอเข้าใจได้ บางคนมีน้ำใจเผื่อแผ่คนในครอบครัวฝากซื้อมาให้สามี ฝากซื้อมาให้แม่สามี พ่อสามี คุณอา คุณป้า เพื่อนข้างบ้าน โอ้ย!!! เดี๋ยวๆๆๆเธอโปรดฟังฉันก่อนฉันพร้อมรับฝากหรือไม่ให้โอกาสฉันได้พูดบ้างได้ไหม? 

 

บางคนถึงกับผิดใจ หรือแอบเซ็งกันในใจกับเรื่องนี้กันไปก็มากอยู่ ไอ้ครั้นจะปฏิเสธหัวชนฝาก็ดูจะไม่ใช่นิสัยคนไทย และดูเป็นการขาดแล้งน้ำใจ อีกทั้งบางคนไม่ได้อยู่ในสถานะที่ปฏิเสธได้ บางคนปฏิเสธ คนที่ฝากก็ไม่ว่าอะไรไม่ได้ถือสาหาความ แต่บางคนเมื่อปฏิเสธอาจเป็นเรื่องที่มองหน้ากันไม่ติด เขาถึงว่าคำพูดบางคำที่เหมือนกันพอออกจากปากที่ต่างกันบางครั้งให้ความรู้สึกกับคนฟังไม่เหมือนกัน

อีกทั้งเป็นเรื่องที่มองต่างมุม มุมหนึ่งก็มองในมุมของคนฝาก "ของที่ฝากน้ำหนักเบาถือไม่หนักหรอก" ส่วนอีกมุมก็เป็นมุมของคนรับฝาก "ถามฉันสักคำว่ามีคนฝากกี่คนแล้วเนี่ยฉันจะมีเวลาไปซื้อให้ไหม" เรื่องเล็กๆที่อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ๆ เรื่องเล็กๆของเรา อาจเป็นเรื่องใหญ่ของเขา 

 

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมคะว่าอย่างไรเสียเรื่องแบบนี้มันก็ต้องมีบ้างตราบใดที่เรายังต้องกินข้าวผัดคู่กับแตงกวา  กินข้าวคลุกน้ำปลายามไม่มีเงิน 5555 ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ เลยขอสรุปเรื่องควรระวังเกี่ยวกับการฝากซื้อของ เรียกว่าเป็นมารยาทในการฝากซื้อของ หรือฝากซื้อของอย่างไรไม่ให้เสียมารยาท ฝากซื้อของอย่างไรไม่ให้เสียเพื่อน มาฝากกันนะจ๊ะ 

 

1.เราสนิทกันเหรอ ก็สนิทกับเธอตอนที่ฉันจะฝากซื้อของเนี่ยแหล่ะ 555 ปกติก็เดินผ่านๆในที่ทำงาน หรือแอบส่องกันบ้างตามเฟสบุค เป็นไหมคะหลายๆครั้งที่ใครสักคนในที่ทำงาน หรือใครสักคนในเฟสบุค พอรู้ว่าเราจะไปเที่ยวก็เอ่ยปากฝากซื้อของทันที โดยไม่แม้แต่จะเอ่ยปากถามอิฉันสักคำว่า 'สะดวกไหม' เรื่องนี้สำคัญจริงๆนะเธอบางทีผู้รับฝากเขาอาจไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง อีกทั้งถ้าเราสนิทกันไม่มากพอต้องระวังเป็นอย่างยิ่งเพราะเราไม่รู้เลยว่าในการเดินทางแต่ละครั้งของเขานั้นมีคนที่ฝากเขาซื้อของจำนวนกี่คน ไหนจะของที่เขาอยากจะซื้อมาเก็บไว้เอง ไหนจะของฝากคนในครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง สามี ภรรยา ลูก เพื่อนสนิท มากมายก่ายกอง ดังนั้นถ้าจะฝากใครสักคนซื้อของต้องคำนึงถึงความสนิทสนมกันด้วยนะ แต่หากว่าเราเคยเกื้อกูลกันมาก่อน เช่น ฉันเคยฝากเธอ เธอเคยฝากฉันก็ว่ากันไป เพราะเพื่อนก็มีระดับของความสนิทมากน้อยต่างกัน เอาจริงๆนะถ้าไม่สนิทกันจริงก็อย่าไปฝากเขาเลย


2.ข้อจำกัดของผู้รับฝาก เชื่อไหมคะว่าผู้รับฝากแต่ละคนมีข้อจำกัด และรายละเอียดมากมาย เช่น นี่อาจจะเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของเขา คุณจำความรู้สึกการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก หรืออาจเป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกได้หรือไม่ ความกังวลมากมายหลายอย่างแค่เพียงจะพาตัวเองให้รอดพ้นจากความรู้สึกกลัวกังวลก็มากพอแล้ว ยังต้องมากังวลกับการรับฝากซื้อของอีก หรือบางคนไม่อยากขนสัมภาระไปเยอะเลยเลือกกระเป๋าใบย่อมๆแค่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตของตัวเอง บางคนไปกับทัวร์มีเวลานัดหมายตามกำหนดลำพังของที่ตัวเองอยากซื้อก็มากมาย ต้องไปตามล่าหาของให้กับใครต่อใครอีกช่างน่าเห็นใจนัก บางคนไปเที่ยวเองต้องเคลื่อนย้ายตัวเองไปต่างเมืองเปลี่ยนที่พักบ่อยๆก็อาจไม่สะดวก บางคนแบกกระเป๋าเป้ไปแทนกระเป๋าลาก เห็นไหมคะว่ารายละเอียดของนักเดินทางแต่ละคนไม่เหมือนกัน และรายละเอียดเหล่านี้แหล่ะเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นข้อจำกัดสำคัญของความสะดวกหรือไม่สะดวกในการรับซื้อของฝาก ดังนั้นหากเราจะฝากใครซื้อของต้องนึกถึงข้อจำกัดต่างๆ เหล่านี้จะได้ไม่ผิดใจกันนะคะ

 

3.ฝากเงิน เรื่องนี้สำคัญมากกกขอใช้ภาษาวัยรุ่นคือโครตสำคัญ ถ้าตกลงกันแล้วว่าผู้รับฝากยินดีรับฝาก ผู้ฝากก็ควรฝากเงินไปด้วยนะจ๊ะ จะฝากเป็นเงินไทย หรือจะแลกเงินให้ไปเลย ก็ลองถามกันก่อนว่าผู้รับฝากสะดวกแบบไหน หรือหากผู้รับฝากสะดวกที่จะรูดบัตรให้ก่อนทางผู้ฝากเองก็ต้องยอมรับในอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อบิลบัตรเครดิตเรียกเก็บมาอาจน้อยกว่า หรือมากกว่าอัตราแลกเปลี่ยนขณะเดินทาง

 

แต่ๆๆๆๆๆถ้าเราไม่ได้สนิทกันมาก อาจเป็นเพื่อนห่างๆ แล้วหากเราเป็นผู้ฝากก็ไม่ควรไปเอ่ยปากให้เขารูดบัตรให้เราก่อน ไม่ควรจริงๆนะคะ คนไม่สนิทกันไม่มีอะไรรับประกันได้เลยจริงๆ  และอย่าคิดว่าไม่ต้องฝากเงินหรอกเพราะของที่ฝากซื้อราคาไม่ได้แพงมากมายอะไร? เราจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามีคนที่ฝากเขาซื้อของแล้วคิดแบบนี้กี่คน ถ้ามีคนฝากซื้อของ 5  คน ต่างคนต่างไม่ฝากเงินเพราะคิดว่าราคาไม่เท่าไหร่แบบนี้ไม่ได้นะคะ อีกอย่างคนไปเที่ยวบางคนเก็บเงินมาตั้งหลายเดือนกว่าจะได้ไปเที่ยวสักทริปเงินก็จ่ายค่าทัวร์ไปหมดแล้ว มีเหลือติดกระเป๋าไว้ระหว่างทางนิดหน่อย แล้วเราจะไปเบียดเบียนเงินของเขาอีกหรือ

 

อีกเรื่องหากคนฝากเป็นผู้ใหญ่ เป็นหัวหน้า หรือมีตำแหน่งงานที่สูงกว่า "ต้อง" ฝากเงินนะจ๊ะ คุณรู้ไหม?หากเราฝากเด็กซื้อของแต่ไม่ฝากเงินชื่อของคุณมันจะถูกบอกต่อนะเออ 555

 

มีอีกกรณีหนึ่งของการฝากซื้อของบางครั้งเราอาจไม่รู้มาก่อนว่าเพื่อนจะไปเที่ยวเห็นอีกทีก็ไปโผล่อยู่ในเฟสบุคถ้าจะฝากซื้อก็ต้องถามเขาด้วยนะคะว่าเขาสะดวกหรือไม่

 

4.ต้องชัดเจน ของบางอย่างที่ฝากซื้อควรระบุให้ชัดเจนเพื่อให้ง่ายต่อผู้รับฝาก เช่น สี ขนาด หากมีรูปตัวอย่างได้ยิ่งดีใหญ่ หากรู้พิกัดที่จะสามารถซื้อได้ยิ่งดีเข้าไปอีก อ้าว!! แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามันขายอยู่ที่ไหน เสริชเลยจ้าหาข้อมูลจากกูเกิ้ลเนี่ยแหล่ะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้รับฝากได้ดีมากๆทำอย่างไรก็ได้ที่จะรบกวนเขาให้น้อยที่สุด...อย่าพยายามพูดว่าอะไรก็ได้ หากคุณบอกเขาว่าอะไรก็ได้คุณต้องเป็นคนอะไรก็ได้จริงๆนะ เพราะอะไรก็ได้ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ...แอดเคยเจอกับตัวเองว่ามีคนฝากแอดซื้อ CD เพลง (นานมากแล้ว) คนฝากไม่ฝากเงินแต่ฝากว่าเอาเพลงอะไรก็ได้ที่แอดชอบเมื่อถึงเวลาซื้อมาให้ แอดชอบไงแต่เธอไม่ชอบ เธอไม่ชอบแล้วเธอไม่เอาแล้วก็ไม่จ่ายเงิน นี่ไงคำว่าอะไรก็ได้ของคนบางคน  

 

5.ควรทิ้งความรู้สึกปลายเปิดไว้ให้เขาด้วย ห้ามพูดเด็ดขาดว่า "ต้องหามาให้ได้นะคะ" แต่ควรพูดว่า "ไม่มีไม่เป็นไรนะ"  "ถ้าผ่านถึงค่อยซื้อมานะ" "ถ้าเจอถึงค่อยซื้อมา" "ไม่ต้องไปตามหานะ" ทั้งๆที่ในใจอาจจะอยากได้มาก 555 คือพูดอย่างไรก็ได้ให้คนรับฝากมีความรู้สึกสบายๆไม่ใช่รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่เขาต้องไปเดินตามหาของให้กับเรา 

 

6.เรื่องของน้ำหนัก สายการบินแต่ละสาย ตั๋วเครื่องบินแต่ละประเภทก็ให้น้ำหนักกระเป๋าไม่เหมือนกัน บางคนนั่งโลว์คอส น้ำหนักกระเป๋าอาจได้แค่ 20 กิโลกรัม ไปเที่ยวหน้าหนาวลำพังเสื้อผ้าก็ปาเข้าไป 15 กิโลกรัมแล้ว เหลือน้ำหนักกระเป๋าอีกเพียง 5 กิโลกรัม โถๆๆๆๆ จะไปซื้ออะไรได้มากมาย ดังนั้นถ้าเราจะฝากใครซื้อของต้องนึกถึงเรื่องนี้ให้เยอะด้วยนะคะ ของบางอย่างอาจมีน้ำหนัก เช่น ยาสระผมขวดใหญ่ ครีมอาบน้ำ ครีมทาตัว สารพัดครีมที่มีน้ำหนักทั้งหลาย ถ้าไม่จำเป็นอยากฝากเลยค่ะ หากที่เมืองไทยมีแพงกว่ากันนิดหน่อยยอมจ่ายซื้อความสะดวก และความสบายใจดีกว่าจริงๆนะ

 

7.ทิ้งกล่องไว้กลางทาง ของบางอย่างที่ฝากซื้อ เช่น รองเท้า หากเราเป็นผู้ฝากบอกผู้รับฝากไปเลยค่ะว่าให้ทิ้งกล่องไปได้เลย เพราะกล่องเป็นตัวที่กินพื้นที่กระเป๋ามากๆๆๆๆ หรือหากเขาสะดวกแบบไหนก็เอาตามนั้น แค่บอกให้เขาเป็นทางเลือก ยกเว้นรองเท้าที่จำเป็นต้องใส่กล่องกลับมาเพราะถ้าไม่ใส่กล่องอาจทำให้รองเท้าเสียทรงได้

 

 

8.ต้องเชื่อใจฉันนะยะ ของแท้หรือไม่แท้ฉันก็ไม่รู้หรอกเพราะฉันก็ซื้อมาจากร้านที่เขาซื้อๆกัน บางคนฝากเพื่อนซื้อของ พอได้ของมาแล้วเกิดความไม่สบายใจว่าของจริงของปลอม แหม! เพื่อนคนนี้ก็ไม่สนิทเสียด้วย ...โอ้ย!อยากจะขำไม่สนิทแต่กล้าฝากเขาซื้อนะ 5555 ก็ถ้าไม่เชื่อใจก็ขอให้ทำใจ ในเมื่อเขาไม่ได้บังคับให้เราไปฝากซื้อนะจ๊ะ

 

9.ราคา ราคาก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราฝากซื้อของจากเมืองนอกใช่ไหมคะ ถ้าเราทราบว่าของชิ้นนั้นราคาประมาณเท่าไหร่ก็สามารถให้ข้อมูลกับผู้รับฝากไปด้วยก็ได้พร้อมระบุไปว่าถ้าราคาประมาณนี้มากหรือน้อยกว่านิดหน่อยก็จัดมาเลย หรือถ้ามากกว่าไม่ต้องเอามา หรือไม่สนใจเรื่องราคาเท่าไหร่ก็ซื้อมาได้เลย แบบนี้สบายผู้รับฝากเลยค่ะ....แต่ๆๆๆๆๆอย่ากดดันคนรับฝากให้เขาไปตามล่าหาของถูกมาให้เรา ถ้าเขาต่อรองให้ก็ถือเป็นน้ำใจ แต่ถ้าไม่เราต้องยินดีกับสิ่งที่ได้มา ฝากเขาซื้อไม่เหมือนกับไปซื้อเองหรอก หรือถ้าเราเคยซื้อได้ถูกกว่าก็ไม่ได้หมายความว่าตอนเราฝากซื้อจะได้ราคาเดียวกัน หรือมาเห็นราคาที่เมืองไทยถูกกว่าก็อย่านอยด์

 

 

10.ขอ Tax Refund ให้ด้วยนะ  ถ้าเราฝากใครสักคนซื้อของให้ลืมเรื่อง Tax Refund ไปได้เลยจ้าเพราะการทำ Tax Refund ในบางประเทศก็อาจต้องใช้เวลาบางที่เดินไปไกลมากๆแล้วก็ต้องไปต่อคิว ภาระนี้มันไปตกกับผู้รับฝาก แต่ผลประโยชน์มันไปได้กับผู้ฝาก ให้ทำใจเรื่องนี้แต่ถ้าเขาทำให้ก็นับเป็นน้ำใจอันใหญ่หลวง555

 

11.ตกลงกันก่อน ตกลงเงื่อนไขให้ดี กลับมาเจอภาษีทำอย่างไร ของแตกทำอย่างไร โดนขโมยของด้านในกระเป๋าทำอย่างไร อย่าให้ความรู้สึกของเนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งแต่เอากระดูกมาแขวนคอเกิดขึ้นกับผู้รับฝากนะคะ

 

12.เรทเงิน กรณีเราฝากเงินไปเป็นเงินไทยเมื่อได้ของกลับมาแล้วเขาแปลงเป็นเงินสกุลนั้นในราคาเท่าไหร่ก็ต้องตามนั้น เรื่องนี้ให้ทำใจจริงๆหากเราคิดจะฝากใครซื้อของแล้วให้ทำความเข้าใจและยอมรับเรื่องเหล่านี้ อย่าคิดเล็กคิดน้อยถ้าไม่อยากหงุดหงิดใจก็ต้องงดฝากไปเลยสบายใจดี

 

13.อย่ากลายร่างเป็นไก่ หากเราฝากซื้อของได้ไม่ได้อย่างไรไม่ควรจิกตามตั้งแต่วันแรกที่เขาไปถึง หรือวันแรกที่เขากลับมาถึงเมืองไทย บางคนส่งข้อความถามทุกวันว่าได้ของแล้วหรือยัง ...อยากจะบอกว่า "เพื่อนจ๊ะถามฉันสักคำว่าสนุกไหม กินอิ่ม นอนหลับหรือไม่" จะได้ไหมจ๊ะฉันจะดีใจนะจ๊ะ


14.ปริมาณให้เหมาะสม การฝากซื้อของควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม อย่าฝากในปริมาณที่มากเกินไป ให้นึกถึงว่าไม่ใช่มีเพียงคุณคนเดียวที่ฝาก อาจมีอีกหลายๆคนที่ฝาก

 

15.ตัดสินใจให้ไว บางครั้งคนรับฝากอาจกำลังอยู่ในร้าน และต้องการการตัดสินใจจากคุณหากเขาติดต่อคุณผ่านทางไลน์เมื่ออ่านแล้วให้รีบตอบ และรีบตัดสินใจเพราะเขาอาจต้องเคลื่อนตัวไปที่อื่นต่อ อย่าเป็นคนลังเลเดี๋ยวเอา เดี๋ยวไม่เอา จะทำให้ผู้รับฝากลำบากใจ

 

16.ปฏิเสธกลายๆ  หากเราฝากใครซื้อของแล้วเขาปฏิเสธกลายๆประมาณว่า "ไม่รับปากนะเพราะตอนนี้กระเป๋าแน่นมาก น้ำหนักกระเป๋าอาจเกิน" ถ้าเขาพูดขนาดนี้เราอาจต้องถอย แต่ๆๆๆอย่าไปบอกว่า "ของที่ฝากเบาน้ำหนักไม่เยอะหรอก ไม่กินน้ำหนักเท่าไหร่" ....ป้าคะ ป้าไปรู้ได้อย่างไรว่าน้ำหนักกระเป๋าเขาไหวไม่ไหว บางสายการบินเกินมานิดเขาก็ถือว่าเกิน แล้วไอ้ส่วนที่เกิดมานิดมันดันเป็นของป้านั่นแหล่ะป้ายอมจ่ายค่าน้ำหนักส่วนที่เกินให้เขาไหมจ๊ะ 

 

17.อย่าเปรียบเทียบฉันกับคนอื่น เคยไหมมีคนมาฝากเราซื้อของพอเราบอกไม่สะดวก ....คนฝากบอกว่าปกติเขาฝากอีกคนซื้อประจำเลยนะคนนั้นน่ารักมากๆหามาให้ได้ทุกครั้ง บราๆๆๆๆๆๆ ....จ๊ะไปเล่นทางโน้น....กร๊าก อันนี้เป็นบทบาทสมมุตินะคะไม่ได้เกิดกับแอดเลยจริงจริ๊ง

 

18.ส่งของอย่างไร   ทีนี้แหล่ะเมื่อของกลับมาถึงเมืองไทยถือว่าเป็นความสำเร็จขั้นต้น แล้วของนั้นจะไปถึงมือผู้ฝากซื้อได้อย่างไร นัดเจอกันดีไหม ถ้านัดเจอๆกันที่ไหนดีหล่ะถ้าเอาสะดวกก็ใกล้บ้านคนฝากดีไหม?...แหม!ฝากซื้อแล้วยังจะต้องไปส่งให้ถึงที่เลยใช่ไหม ฉันไม่ได้รับหิ้วของหากำไรจากเธอนะจ๊ะ หรือจะส่งพัสดุให้ดีนะก็เป็นวิธีที่สะดวกสำหรับคนที่ไม่สนิท หรืออยู่ห่างไกลกัน เรื่องของการส่งพัสดุอย่าลืมนะจ๊ะว่ามันมีค่าใช้จ่ายบางคนฝากเพื่อนซื้อของจ่ายแต่ค่าของไม่ยอมให้ค่าส่งพัสดุ บางคนให้ค่าส่งคือให้แต่ค่าส่งจริงๆเป็นตัวเลขที่ติดอยู่หน้ากล่องพัสดุแบบเป๊ะๆ แบบนี้ก็ไม่ได้นะคะเพราะราคาที่ติดอยู่หน้ากล่องมันเป็นราคาของค่าส่งเท่านั้น จริงๆแล้วเขาต้องซื้อกล่อง ซื้อบับเบิ้ล นี่คือค่าใช้จ่าย มันเหมือนเป็นเรื่องจุกจิก คิดเล็กคิดน้อย แต่อยากให้เข้าใจว่าการที่เราฝากใครซื้อของสักคนมันเป็นภาระของเขา เราทำอย่างไรที่จะให้เป็นภาระน้อยที่สุดและไม่เป็นการเอาเปรียบ หรือสร้างความลำบากและหนักใจให้กับเขา ถ้าเราทำไม่ดีมันส่งผลต่อเหตุการณ์ในภายภาคหน้าเขาก็ไม่อยากรับฝากใครอีก ดูสิอุตส่าห์ไปซื้อของมาให้ยังต้องมาออกค่าส่งให้อีก 


อย่างที่บอกไปตอนต้น เรื่องของการฝากซื้อของเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงกันยากมาก อีกทั้งมันเป็นการแสดงน้ำใจที่มีให้กัน การที่เราได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวประเทศต่างๆ นั่นหมายถึงเรามีโอกาสมากกว่าคนที่ไม่ได้ไป หากเขาจะฝากซื้อของบ้างถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงแอดเชื่อว่าใครๆก็คงไม่ปฏิเสธ เวลาเรานำของมายื่นให้กับเขาแล้วเห็นรอยยิ้มเราก็ดีใจไปด้วย แต่ทุกอย่างมันก็อยู่บนพื้นฐานของความพอดี อย่ามากเกินไปอย่าน้อยเกินไป เพราะอะไรก็แล้วแต่ที่ขาดความพอดีมันอาจจะทำให้ไม่สุข และพลอยทำให้เพื่อนร่วมทางลำบากไปด้วย ลองนึกภาพว่าใครสักคนในทริปไปรับฝากให้ซื้อของจำนวนมาก เวลาที่เขาจะต้องไปตามล่าหาของก็ต้องมากขึ้น แต่เวลาที่จะใช้กับเพื่อนร่วมทริปก็จะน้อยลง เรียกว่าช้อปกันจนลืมเที่ยวเพื่อนๆก็ยืนรอเหี่ยวๆกันไป และอาจเกิดการงอนกันได้นะเออ

 

 

         

 


 

- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -   

สนใจโปรแกรมทัวร์ยุโรปคลิกที่นี่ 

 

 

คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ด

 

โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 และ 094-782-6888 
    instagramfreebirdtour  twitter freebirdtour  Youtube freebirdtour    


Visitors: 418,939