เบลเยียม | รวมลิสต์เมืองห้ามพลาด เมื่อเที่ยวเบลเยียม Belguim

         

 

belgium-freebirdtravelandtour

เที่ยวเมืองเลอเวิน(Leuven)

 

leuven-belgium-freebirdtour

Leuven เลอเฟิน, เลอเวิน หรือ ลูแว็ง เมืองหลวงของจังหวัดเฟลมิชบราบันต์(Flemish Brabant) ของประเทศเบลเยี่ยม Leuven แม้ไม่ใช่เมืองแรกที่เรานึกถึงของการมาเที่ยวเบลเยี่ยม แต่ก็เป็นเมืองต้องห้ามพลาด ความโด่งดังของเมืองLeuven เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง Katholieke Universiteit Leuven หรือ KU LEUVEN มหาวิทยาลัยเก่าแก่ และเป็นมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ 1 ใน 100 ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดจากทั่วโลก Leuven ยังเป็นที่ตั้งของแอนไฮเซอร์-บุช อินเบฟ(Anheuser-Busch InBev) หรือ เอบีอินเบฟ(AB InBev)   บริษัทผลิตเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองLeuven ก็คือ

 

Groot Begijnhof กลุ่มของตึกเก่าแก่สร้างจากอิฐสีแดงกว่า 100 หลัง ประหนึ่งเมืองเล็กๆ เมืองนึงในเมืองเลอเวน(Leuven) ในอดีตที่นี่เคยเป็น Beguinages ที่พักอาศัยของ Beguines หรือผู้หญิงโสดไม่แต่งงานที่อุทิศตนให้กับศาสนามีลักษณะคล้ายแม่ชีในศาสนาคริสต์แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะพวกเธอไม่ได้รับคำสาบานทางศาสนาอย่างเป็นทางการ ปัจจุบันเป็นที่พักของอาจารย์ นักศึกษา มหาวิทยาลัย Groot Begijnhof ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก(UNESCO) หรือ องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ เมื่อปี 1998

 

Town hall หรือ City hall ศาลาว่ากลางเมือง อาคารหลังงามแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1448-1469 ตั้งโดดเด่นอยู่ตรงจัตุรัส Grote Markt  เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าวิจิตรบรรจงแห่งหนึ่งของเบลเยี่ยม ภายนอกตกแต่งด้วยรูปปั้นแกะสลักจำนวนมาก พร้อมธงสวยแปลกตา ภายในเป็นที่รวบรวมงานศิลปะ และงานประติมากรรม

town-hall-in-center-of-leuven-belgium-freebirdtour

gothic-town-hall-grote-markt-leuven-belgium-freebirdtour

 

โบสถ์เซนต์ปีเตอร์(St. Peter's Church หรือ Sint-Pieterskerk)  โบสถ์นิกายโรมันคาธอลิก สถาปัตยกรรมแบบโกธิก สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ตั้งอยู่ตรงข้ามTown hall หรือ City hall

saint-peter-church-leuven-flanders-belgium-freebirdtour

 

หลังจากเที่ยวเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมต่างๆ เรียบร้อยแล้ว พอแดดเบาลงก็อย่าพลาดเดินทอดน่องดูความคึกคักของร้านอาหาร บาร์ ที่ทอดยาว จนได้รับการขนานนามว่า เป็นบาร์ที่ยาวที่สุดในโลก

 

เที่ยวเมืองดิแนนท์(Dinant) 

 

dinant-belgium-freebirdtour

เมืองดิแนนท์(Dinant) เมืองเล็กๆ แต่น่ารัก ที่ใช้เวลาไม่ถึงวันก็เดินเที่ยวได้จนทั่ว แต่หากไม่เร่งรีบ และอยากนั่งดื่มด่ำชิวๆ กับบรรยากาศ จะพักค้างแรมที่นี่สักคืนก็ไม่เลว 

Dinant ตั้งอยู่ในจังหวัดนามูร์(Namur) ริมแม่น้ำมิวส์(Meuse)  แม่น้ำสายสำคัญของยุโรปที่ไหลผ่านประเทศเบลเยี่ยม และประเทศเนเธอร์แลนด์ อยู่ห่างมาทางใต้ของเมืองบรัสเซลส์(Brussel) 

แม้ดิแนนท์(Dinant) จะไม่ใช่เมืองในกระแสหลัก แต่ก็มีความโดดเด่นของเมืองที่ทำให้หลายคนถึงกับต้องปักหมุดมา คือ ฉากหลังที่เป็นหน้าผาสูง มีแนวป้อมปราการตั้งตระหง่าน ขนาบกันไปกับตึกสวยหลากสี ภาพของสถาปัตยกรรมหลากสีที่เรียงราย และความสวยงามของฉากหลังเมื่อยามสะท้อนลงน้ำ ก็สวยจับจิต สิ่งที่ต้องทำของการเที่ยวเมืองดิแนนท์(Dinant)  ก็คือ

1. เดินเล่นริมแม่น้ำมิวส์(Meuse) หรือเลือกล่องเรือ เมื่อมาถึงเมืองดิแนนท์(Dinant) สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างยิ่ง คือ การเดินเล่นเรียบริมแม่น้ำมิวส์ แม่น้ำสายสำคัญของยุโรปที่ไหลมาจากฝรั่งเศส ผ่านเบลเยี่ยม ไปเนเธอแลนด์ บรรยากาศริมแม่น้ำมิวส์(Meuse) และภาพสะท้อนลงแม่น้ำนั้นสร้างบรรยากาศอย่างดีให้นักท่องเที่ยวต่างถิ่นอย่างเราๆ รวมทั้งยังได้เพลิดเพลินกับร้านรวงต่างๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก กิจกรรมอีกอย่างที่เกี่ยวพันธ์กับแม่น้ำมิวส์(Meuse) สายนี้ คือ การล่องเรือ ดื่มด่ำบรรยากาศริมสองฝั่ง แต่หากเราเดินทางไปในช่วงหน้าหนาวเรือจะไม่เปิดให้บริการ เพราะอากาศหนาวเกินไป โดยปกติเรือจะเปิดให้บริการในช่วงเดือนเมษายน-ตุลาคม

 city-of-dinant-belgium-freebirdtour

 

2. เยี่ยมชม Notre Dame de Dinant โบสถ์ Collegiate Church of Our Lady เป็นโบสถ์สไตล์โกธิกสมัยศตวรรษที่ 13 สิ่งที่โดดเด่นของโบสถ์นี้คือ หอระฆังรูปลูกแพร์ ด้านหลังของโบสถ์เป็นหน้าผาที่มีป้อมปราการเป็นฉากหลัง

 

3. ป้อมปราการ Citadelle de Dinant ป้อมปราการที่ตั้งอยู่บนเนินผาแห่งนี้เป็นจุดที่ขึ้นไปชมวิวของเมืองดิแนนท์(Dinant) ได้อย่างดีเยี่ยม ด้านในเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับการสู้รบ การขึ้นไปด้านบนสามารถเลือกวิธีการเดินเท้าผ่านบันได 400 กว่าขั้น หรือเลือกขึ้นกระเช้าก็ตามแต่สะดวก นักท่องเที่ยวบางคนอาจเลือกเดินขึ้น และลงด้วยกระเช้าเพื่อจะได้สัมผัสของการเดินทางทั้งสองแบบ 

 

4. เดินเล่นบนสะพาน Charles-de-Gaulle Bridge สะพานนี้ตั้งตามชื่อของประธานาธิบดีชาร์ลส์ เดอ โกลของฝรั่งเศส เพื่อระลึกถึงการปรากฎตัวของเขา สะพาน Charles de Gaulle Bridge พาดผ่านสองฝั่งของแม่น้ำมิวส์(Meuse) นับเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองดิแนนท์(Dinant) จุดเด่นของสะพาน Charles de Gaulle Bridge ก็คือบรรดาแซกโซโฟน ขนาดใหญ่ แซกโซโฟรเหล่านี้ทำขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติแก่ อ็องตวน-โฌแซ็ฟ "อาดอลฟ์" ซักซ์(Antoine-Joseph "Adolphe" Sax) นักออกแบบเครื่องดนตรีชาวเบลเยี่ยม และเป็นผู้คิดค้นเครื่องดนตรีที่มีชื่อว่า แซกโซโฟน

 

เที่ยวเมืองตูร์แน(Tournai) 

 

tournai-belgium-freebirdtour

เมืองตูร์แน(Tournai) เมืองเก่าแก่ของเบลเยี่ยมตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงบรัสเซลส์ สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองนี้ก็คือ

view-over-tournai-doornik-from-the-belfry-of-tournai-belgium

 

มหาวิหารตูร์แน หรืออาสนวิหารแม่พระแห่งตูร์แน(Tournai Cathedral or Cathedral of Our Lady or Cathédrale Notre-Dame de Tournai) สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่พระนางมารีย์พรหมจารี เป็นสถาปัตยกรรมกอทิกแบบตูร์แน(Gothique tournaisien) เป็นสถาปัตยกรรมช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างโรมาเนสก์กับกอทิก มหาวิหารตูร์แน(Cathédrale Notre-Dame de Tournai) ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก(UNESCO) หรือองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ เมื่อปี ค.ศ.2000

 

Grand Place จัตุรัสสำคัญของเมือง ที่นี่เป็นลานกว้างที่รายล้อมด้วยตึกอาคาร ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ บริเวณนี้เราจะพบเห็นรูปปั้นของ Marie-Christine de Lalaing หรือ Philippe-Christine de Lalaing ผู้เคยปกป้องเมืองตูร์เน(Tournai) กับอเล็กซานเดอร์ ฟาร์เนเซ(Alexander Farnese) ดยุคแห่งปาร์มา(Parma) ในปี ค.ศ. 1581

monument-on-grand-place-honoring-marie-christine-de-lalaing,_who_defended_Tournai_against_the_Duke_of_Parma,_Alessandro_Farnese_in_1581_in_Tournai,_Belgium


Belfry of Tournai
หอระฆังแห่งตูร์เน สูง 72 เมตร มีบันได 256 ขั้น เป็นหอระฆังแบบลอยตัวที่มีต้นกำเนิดในยุคกลาง เป็นหอระฆังที่มีความเก่าแก่ที่สุดในเบลเยี่ยม การก่อสร้างหอระฆังเริ่มขึ้นเมื่อราวปี ค.ศ. 1188 ระฆังดั้งเดิมถูกไฟไหม้เมื่อปลายศตวรรษที่ 14 ในอดีตหอระฆังมีหน้าที่ส่งสัญญาณให้ชาวเมือง คอยสังเกตเรื่องของไฟ และศัตรู และยังทำหน้าที่เป็นคุกอีกด้วย หอระฆังเปิดตลอดทั้งปีตั้งแต่วันอังคารถึงวันอาทิตย์

 

เที่ยวเมืองเกนต์(Ghent)

 

ghent-belgium-freebirdtour

เมืองเกนต์(Ghent) เคนต์ หรือ ก็อง เกนต์(Ghent) อีกหนึ่งเมืองสวยของเบลเยี่ยม เมืองนี้มีแม่น้ำสำคัญ 2 สาย คือ  แม่น้ำเลอิ(Lys หรือ Leie) และ แม่น้ำเสกลต์(Scheldt) การได้เดินเล่นตามตรอกซอกซอยในเมืองเกนต์(Ghent) ก็สามารถทำให้เราได้เพลิดเพลินสถาปัตยกรรมของเมือง ตึกเก่าเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ของเมือง เช่น

gent-belgium-ghent-old-town-freebirdtour


Vrijdagmarkt จัตุรัสสวยของเมือง ที่นี่มีรูปปั้นของ Jacob Van Artevelde หรือ James van Artvelde บุคคลสำคัญที่ลุกขึ้นมาต่อต้านอังกฤษ Jacob Van Artevelde  เกิดที่เมืองนี้ ในครอบครัวมีอันจะกิน

 

Cathedral of St. Bavo(Sint-Baafskathedraal) อาสนวิหารเซนต์บาโว หรืออาสนวิหารซินต์บาฟส์ สถาปัตยกรรมสไตล์โกธิกสูง 89 เมตร

 

The Fortress of Gravensteen ที่นี่เป็นป้อมปราการที่มีคูน้ำที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรปตะวันตก Gravensteen ถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำ Lieve สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1180-1200 ตามคำสั่งของ Philip of Alsace ซึ่งเคยเป็นเคานต์แห่ง Flanders

medieval-castle-gravensteen-castle-of-the-counts-ghent-flanders-belgium

 

Ghent's Canals กิจกรรมอย่างหนึ่งของการมาเที่ยวเมืองเกนต์(Ghent) ก็คือ ล่องเรือละเลียดบรรยากาศริมคลอง จะเลือกนั่งแบบเรือสาธารณะ หรือเลือกแบบส่วนตัวก็ตามสะดวก หรือจะเลือกเพลิดเพลินกับการพายเรือคายัคก็มีให้บริการ

flowers-along-a-canal-in-the-old_town-of-ghent-belgium-freebirdtour

 

เดินเล่นย่าน Graslei กิจกรรมต่อมาที่ห้ามพลาด คือ การมาเดินเล่นย่าน Graslei เดินชมสถาปัตยกรรมสวยๆ อย่างบ้านกิลด์(guild houses) ที่ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือ Graslei และKorenlei ริมแม่น้ำ Leie แม่น้ำสายสำคัญของเมือง บริเวณนี้ก็จะคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยร้านรวง และกิจกรรมล่องเรือ

 

Saint Michael's Church โบสถ์เซนต์ไมเคิลตั้งอยู่ด้านตะวันตกของแม่น้ำลี(Leie)   เป็นโบสถ์สไตล์โกธิกขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยหินทราย การตกแต่งภายในเป็นแบบนีโอโกธิค 

 

Sint-Michielsbrug  Bridge สะพานเซนต์ไมเคิล เป็นสะพานหินโค้ง อยู่ถัดจากโบสถ์ Saint Michael's Church ตรงนี้นับเป็นจุดชมบรรยากาศของระแวกนี้ได้อย่างดีเยี่ยม


เที่ยวเมืองบรูกส์(Bruges) หรือบรูคเกอ(Brugge)

 

bruges-belgium-freebirdtour

เมืองบรูกส์,บรูจส์(Bruges) หรือบรูคเกอ(Brugge) อยู่ในจังหวัดฟลานเดอร์ตะวันตก(West-Vlaanderen) Brugge ได้รับสมญานามว่าเป็น "เวนิสแห่งทางเหนือ"(Venice of the North) เพราะเมืองนี้เต็มไปด้วยลำคลองจำนวนมากที่แทรกตัวอยู่ตามเมืองเก่า มีสถาปัตยกรรมเป็นอาคารหลากสีสลับกันดูสวยงาม(colorful old brick house) และยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเคยเป็นเมืองท่า Bruges ยังมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ สถาปัตยกรรม ศิลปะ สถานที่สำคัญของเมืองบรูกส์(Bruges) เช่น 

cityscape-in-old-town-brugge-belgium-view-from-belfry-tower-freebirdtour


1. Market Square(Grote Markt) จัตุรัสของเมือง และเป็นหัวใจสำคัญของเมืองบรูจส์ ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก(UNESCO) อีกด้วย ใจกลางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญอย่างหอระฆัง Belfort , ศาลาว่ากลางประจำจังหวัดสไตล์นีโอกอธิก ตรงกลางมีรูปปั้นของ Jan Breydel และ Pieter de Coninc ผู้นำกลุ่ม Bruges Matins รูปปั้นนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1887 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านชาวฝรั่งเศสในช่วงต้นศตวรรษที่ 14 Jan Breydel เป็นหัวหน้าคนขายเนื้อ และ Pieter de Coninck เป็นหัวหน้าของช่างทอผ้า

market-square-markt-bruges-belgium-view-to-belfort-tower-building-freebirdtravelandtour

Market Square(Grote Markt) เป็นจุดรวมของผู้คน ทั้งคนท้องถิ่น นักท่องเที่ยว คนเดินเท้า นักปั่นจักรยาน เป็นจุดนัดพบ สังสรรค์ ได้อย่างดีเยี่ยม บริเวณรอบๆ นอกจากสถานที่สำคัญตามที่เล่าไว้ด้านบน ที่นี่ก็ยังเต็มไปด้วยตึกเก่า ธนาคาร บ้านกิลด์(guild houses) หลากสีจำนวนมาก บ้านกิลด์(guild houses) เหล่านี้ถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหาร โรงแรม บางอาคารด้านบนเป็นโรงแรมด้านล่างทำเป็นร้านอาหาร มีร้านกาแฟน่านั่ง ร้านขายของที่ระลึก ร้านค้า อยู่รายล้อม อย่าลืมสังเกต Cranenburg House ตั้งอยู่กลางทางตรงหัวมุม และทางด้านซ้ายของบ้าน Cranenburg ตรงมุมฝั่งตรงข้าม เราจะพบกับบ้าน Bouckhoute House เป็นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในจัตุรัส ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15

grote-markt-square-in-medieval-city-brugge-belgium-freebirdtravelandtour

colorful-old-brick-house-on-the-grote-markt-square-bruges-belgium-freebirdtravelandtour

ตั้งแต่ปี 985 เริ่มมีการจัดงานตลาดนัดรายสัปดาห์ขึ้นที่นี่ ถ้าอยากสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นผ่านตลาดเช้า ก็แนะนำให้มาเดินเล่นที่นี่ในวันพุธ เพราะจะมีตลาดนัดท้องถิ่น ที่ขายทั้งผลไม้ ผักสด ดอกไม้ เนื้อสัตว์ ชีส มีแต่ของน่าซื้อทั้งนั้น ตลาดท้องถิ่นนี้จะเริ่มเวลา 08.00-13.00 น. เมื่อมาถึงเมืองบรูกส์(Bruges) เป็นสิ่งที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงที่จะมาเช็คอิน Market Square(Grote Markt) ทั้งเวลาเช้า และยามค่ำคืน

 

2. Belfort Belfry หอระฆังเบลฟอร์ หอระฆังของเมืองบรูจส์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1220 สร้างเพิ่มเติมในปี ค.ศ. 1240 และสร้างใหม่หลังจากที่ถูกไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1280, 1491 และ ค.ศ.1781 อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง หอระฆังเป็นส่วนหนึ่งของอาคารสมัยศตวรรษที่ 13 ที่นี่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1999 มีความสูง 83 เมตร เราสามารถเดินขึ้นบันได 366 ขั้นไปด้านบน เพื่อชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมือง ระหว่างทางเราจะได้เพลิดเพลินกับอะไรหลายๆ อย่าง รวมทั้งระฆังที่มีจำนวนมากถึง 47 อัน

belfort-tower-building-bruges-belgium-freebirdtravelandtour

 

3. Gruuthuse Museum ไม่ไกลจากหอระฆังใช้เวลาเดินเพียง 5 นาที เราจะเห็นพิพิธภัณฑ์ Gruuthuse ครั้งหนึ่งที่นี่เป็นคฤหาสน์ของตระกูล Gruuthuse ซึ่งเป็นหนึ่งในคฤหาสน์ที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองบรูกส์,บรูจส์(Bruges) หรือบรูคเกอ(Brugge) และผูกขาดตลาดการผลิตเบียร์เจ้าใหญ่ ภายในมีสมบัติเก่าแก่มากมาย

 

4. Bruges Beer Museum พิพิธภัณฑ์เบียร์ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเบีบร์ ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน กระบวนการผลิตเบียร์ และเพราะเบลเยี่ยมก็เป็นอีกประเทศที่ชื่นชอบการดื่มเบียร์ จนทำให้เมืองบรูกส์(Bruges)  มีการสร้างท่อส่งเบียร์ใต้ดินแห่งแรกของโลกที่ไหลผ่านเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงรถติดในการขนส่ง จนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก(UNESCO) หรือองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ เมื่อปี ค.ศ. 2016

 

5. Bruges canal เมื่อมาถึงเมืองบรูกส์,บรูจส์(Bruges) แล้ว ลองใช้เวลาสัก 1 ชั่วโมง เพื่อล่องเรือไปตามลำคลองชมความสวยงามของอาคาร บ้านเรือนเก่า หงส์ชูคอยลอยอยู่ในลำคลองรอทักทายนักท่องเที่ยว  สวยและโรแมนติก คุณจะมีเพื่อนเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทอดน่องอยู่ตามทางเดินเพื่อร่วมชมความสวยงามของคลอง ธรรมชาติ ตึกเก่า และวิถีชีวิตของคนที่นี่ไปพร้อมๆ กัน ใครชอบขี่จักรยานก็มีทางสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ ใครอยากนั่งรถม้าก็สามารถเพลิดเพลินได้ตามชอบ ขึ้นจากเรือก็ต่อด้วยเดินเล่นตามตรอกซอกซอยเพื่อชมความสวยงามของเมือง ร้านอาหาร ร้านค้า ร้านของที่ระลึก หรือจะไปเลือกนั่งพักขาที่สวนสาธารณะอย่าง Minnewaterpark

canal-in-bruges-belgium-freebirdtravelandtour

bruges-belgium-medieval-ancient-houses-freebirdtour

rozenhoedkaai-canal-belgium-freebirdtravelandtour

เราสามารถมาเที่ยวเมืองบรูกส์,บรูจส์(Bruges) หรือบรูคเกอ(Brugge) ได้ในทุกๆ ฤดูกาล แม้ในฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวอาจบางตา แต่บรูกส์(Bruges) ก็ยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ การเดินเล่นริมคลองบนถนนที่ปูด้วยหินท่ามกลางหมอกลงจัดก็ให้ความโรแมนติกสุดๆ ปิดท้ายของวันหนาวๆ ด้วยการดื่มแบบเบาๆ ตามร้านอาหาร หรือบาร์ ก็เติมความสมบูรณ์ของการมาเที่ยวบรูกส์(Bruges) ในหน้าหนาวที่ไม่ได้แย่อย่างที่คิด ถ้าหนาวจนทนไม่ไหวก็หนีอากาศด้านนอกเข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ด้านใน รวมไปถึงเราจะได้เพลิดเพลินกับตลาดคริสต์มาสที่มาสร้างสีสรรให้ในช่วงนี้เท่านั้น การมาเที่ยวในช่วงหนาวจัดๆ เราจะได้ของสมนาคุณเป็นค่าที่พักในราคาถูกลง

 

 เที่ยวเมืองแอนต์เวิร์ป(Antwerp)

 

antwerp-belgium-freebirdtour

Antwerp แอนต์เวิร์ป หรือ อันต์แวร์เปิน(Antwerpen) เมืองที่มีการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมยุคเก่า กับสถาปัตยกรรมยุคใหม่ ที่นี่เป็นที่ตั้งของท่าเรือสำคัญแห่งหนึ่งของยุโรป เป็นเมืองท่าที่สำคัญ  เป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ มีอาคารเก่าแก่อวดความสวยงามอยู่มากมาย มีพิพิธภัณฑ์ให้เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ สถานที่สำคัญของเมืองAntwerp เช่น

 great-market-square-antwerpen-belgium-freebirdtravelandtour

Grote Markt จัตุรัสกลางเมืองAntwerp ที่นี่นับเป็นศูนย์กลางของเมือง มีศาลากลาง มีน้ำพุ มีรูปปั้นของ Silvius Brabo นักรบโรมัน รายล้อมด้วยอาคาร สถาปัตยกรรมแบบโบราณ บ้านกิลด์ยุคกลาง มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของ ร้านกาแฟ ในช่วงฤดูหนาว บริเวณนี้ยังเป็นตลาดคริสต์มาสอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบเที่ยวตลาดคริสต์มาส ฟรีเบิร์ดทัวร์ชวนเที่ยวตลาดคริสต์มาสอันโด่งดังในสกอตแลนด์

brabo-fountain-on-market-square-antwerp-belgium-freebirdtour

 

Cathedral of Our Lady มหาวิหารโรมันคาธอลิกในเมืองแอนต์เวิร์ป  สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1352-1521 เป็นมหาวิหารที่มีชื่อเสียงของเมือง และมีความโดดเด่น หอคอยโบลถ์มียอดแหลมสูง 123 เมตร 

 

Antwerp Zoo เป็นสวนสัตว์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีชื่อเสียงทางด้านการอนุรักษ์ และเพาะพันธุ์สัตว์ มีสัตว์หลากชนิด ทั้งเสือโคร่งไซบีเรีย, หมี, สิงโต, กอริล่า และอื่นๆ อีกมากมาย

 

Diamond District Antwerp ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเพชร เราจะได้พบเห็นร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องประดับที่ทำจากเพชรจำนวนมาก

 

Het Steen ป้อมปราการยุคกลางตั้งอยู่ใจกลางเมือง Antwerp และเป็นป้อมปราการหินแห่งแรกของ Antwerp

 

 

เที่ยวเมืองบรัสเซลส์(Brussel)

 

brussel-belgium-freebirdtour

บรัสเซลส์(Brussels) เป็นเมืองหลวงของประเทศเบลเยียม มีความสำคัญทั้งด้านประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ และศิลปะ บรัสเซลส์(Brussels) ยังเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศที่สำคัญหลายแห่ง รวมทั้งหน่วยงานสำคัญของสหภาพยุโรป

brussels-grand-place-belgium-freebirdtravelandtour

การมาเที่ยวประเทศเบลเยี่ยมคงไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนพลาดการมาเที่ยวบรัสเซลส์(Brussels) อย่างแน่นอน ที่นี่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ มีโบสถ์สไตล์กอธิกสวยๆ มีอาคารเก่าๆ มีพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ และก็ยังมีอาหารอร่อยในแบบฉบับของอาหารเบลเยี่ยม สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในบรัสเซลส์(Brussels) เช่น

Grand Place หรือจัตุรัสกรองด์ ปลาส(Grong Plas) จัตุรัสกลางเมือง แลนด์มาร์คสำคัญของบรัสเซลส์(Brussels) ที่นี่นอกจากเป็นจุดรวมของผู้คน นักท่องเที่ยว ก็ยังเป็นศูนย์รวมของสถาปัตยกรรม ศาลาว่าการ พิพิธภัณฑ์ Grote Markt ตลาดเก่าของเมือง บริเวณนี้เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ 

grand-place-brussels-belgium-freebirdtour

grand-place-brussels-belgium-freebirdtravelandtour

Town Hall ศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์ เป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ตั้งอยู่บริเวณGrand Place จัตุรัสกลางของเมือง

Notre Dame du Sablon โบสถ์คาทอลิกสไตล์โกธิกสมัยศตวรรษที่ 15 ตั้งอยู่ในย่านเก่าแก่ของบรัสเซลส์(Brussels) โบสถ์สีเทาขาว หน้าต่างเป็นกระจกสีสวยงาม

Atomium(อะโตเมียม) สถาปัตยกรรมยุคใหม่ตั้งเห็นเด่นเป็นสง่า อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ดูโฉบเฉี่ยว ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูทันสมัย สถาปัตยกรรมนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของอะตอม สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1958  ประกอบด้วยวัตถุทรงกลมจำนวน 9 ลูก มีแกนเชื่อมต่อกัน แต่ละวัตถุในลูกกลมๆ น้้นจะทำให้เราเพลิดเพลินกับกิจกรรม ทั้งเป็นจุดชมวิว เป็นร้านอาหาร เป็นสถานที่แสดงนิทรรศการ รู้จักกับ atomium 

 atomium-brussels-belgium-freebirdtour

Belgian Comic Strip Center พิพิธภัณฑ์การ์ตูน ตั้งอยู่กลางเมืองบรัสเซลส์(Brussels) ใกล้กับ Grand Place เป็นอาคารสไลต์ Art Nouveau ออกแบบโดย Victor Horta หลังนี้ เป็นสถานที่รวบรวมความสุขของคนรักการ์ตูนยุโรป มีวัตถุประสงค์เพื่อ ส่งเสริมการ์ตูนให้เป็นสื่อกลางทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า และเป็นการรักษาผลงานชิ้นเอกทางสถาปัตยกรรมที่จัดแสดงไว้ Belgian Comic Strip Center ยังเป็นที่รวบรวมการ์ตูนชื่อดังของเบลเยี่ยมอย่าง Spirou, Bob และ Bobette, the Smurfs, Lucky Luke, Blake and Mortimer, Marsupilami รวมไปถึงตัวการ์ตูนชื่อดังอย่าง Tintin ตินติน หรือแต็งแต็ง ที่แต่งโดยนักวาดการ์ตูนชาวเบลเยียม ชื่อ Georges Prosper Remi

 

บรัสเซลส์(Brussels)  นอกจากจะเป็นเมืองหลวงของเบลเยียม ก็ยังได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองหลวงแห่งช็อกโกแลต เพราะที่ บรัสเซลส์(Brussels)  เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายช็อกโกแลตมากมาย ทั้งช็อกโกแลตโฮมแมด และช็อกโกแลตแบรนด์ดัง

 

Manneken Pis(แมนเนเกน พิส) เมื่อมาถึงเมืองบรัสเซลส์(Brussel) ประเทศเบลเยี่ยมแล้ว จะพลาดไม่ไปทักทายสัญลักษณ์ดังของเมืองอย่าง แมนเนเกน พิส(Manneken Pis) รูปปั้นเด็กแอ่นตัวยืนฉี่ ที่ตั้งอยู่บนหัวมุมถนน Rue de l'Étuv กับ Rue du Chêne ได้อย่างไร Manneken Pis มีที่มาอย่างไร แล้วทำไมManneken Pis(แมนเนเกน พิส) ถึงเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยจัง  ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ จะพาไปรู้จักกับรูปปั้นเด็กชายยืนฉี่เมืองบรัสเซลส์(Brussel) ในบทความหน้า 

manneken-pis-little-man-pee-or-le-petit-julien-landmark-small-bronze-sculpture-brussels-belgium

manneken-pis-little-man-pee-or-le-petit-julien-landmark-small-bronze-sculpture-brussels-belgium-freebirdtour

 

อีกสองสิ่งที่ต้องนึกถึงของการมาเที่ยวเบลเยี่ยมก็คือ ช็อกโกแลต และวาฟเฟิล ของดีของดังของเบลเยี่ยมนั่นเอง

แม้ว่าเบลเยียมเป็นประเทศเล็กๆ ที่ไม่ได้มีพื้นที่มากพอที่จะเพาะปลูกโกโก้ วัตถุดิบในการผลิตช็อกโกแลต ได้จำนวนมากๆ แต่เบลเยียมก็เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าผลิตช็อกโกแลตได้อร่อย มีชื่อเสียงระดับโลก และยังเป็นหนึ่งในประเทศลำดับต้นๆ ที่ส่งออกช็อกโกแลตมากที่สุดในโลกอีกด้วย แน่นอนเมื่อไปเที่ยวเบลเยียมก็ต้องไม่พลาดที่จะหาซื้อช็อกโกแลตเบลเยียม ช็อกโกแลตเบลเยียมยี่ห้อดังๆ เช่น Godiva, Callebaut, Belcolade,  Leonidas, Neuhaus มาตรฐานของช็อกโกแลตเบลเยียมนอกจากส่วนผสมตามมาตรฐานที่เบลเยียมได้กำหนดแล้ว กระบวนการผลิตทุกขั้นตอนต้องผลิตในเบลเยียมเท่านั้น จุดเด่นของช็อกโกแลตเบลเยียมคือ ความเข้มข้นของโกโก้ ซึ่งจะมีความต่างกับช็อกโกแลตของสวิตเซอร์แลนด์ที่มีความนัวๆ ของนมมากกว่า นั่นเพราะสวิตเซอร์แลนด์เป็นดินแดนแห่งนมนั่นเอง เราสามารถพบเห็นร้านจำหน่ายช็อกโกแลตได้ทั่วไปในเบลเยียม ทั้งช็อกโกแลตแบรนด์ดัง และช็อกโกแลตโฮมเมด

chocolate-belgium-freebirdtour

 

Waffle วาฟเฟิล ขนมหน้าตาเหมือนรังผึ้ง วาฟเฟิลหลายชนิด เช่น บรัสเซลส์วาฟเฟิล, วาฟเฟิล Liège, วาฟเฟิลเฟลมิชหรือ Gaufres à la Flamande, Galettes เป็นต้น วาฟเฟิลสามารถจะทานแบบไม่มีท็อปปิ้ง หรือใส่ท็อปปิ้งก็อร่อยไม่แพ้กัน เช่น อาจท็อปปิ้งด้วยช็อกโกแลต, น้ำผึ้ง, คาราเมล,วิปครีม,เนยถั่ว รวมไปถึงแยมผลไม้ต่างๆ

belgian-dessert-waffle-belgium-freebirdtravelandtour

 

รู้จักกับเมืองต่างๆ ของเบลเยียมไปแล้ว พร้อมกันหรือยังที่จะออกเดินทางไปกับ ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ ไปเที่ยวเบลเยียมกันดีกว่า

 

 

- 14 JULY 2022 -

 

         

 


 


 

- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -   

สนใจโปรแกรมทัวร์ยุโรปคลิกที่นี่ 

 

คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์

โทร.02-0488-785-6 Hotline 093-570-3000 , 085-151-1000 

    instagramfreebirdtour  twitter freebirdtour  Youtube freebirdtour     

 

Visitors: 419,149