วัฒนธรรม 'ชา' ประเทศไหนก็เหมือนกันจริงหรือ

         

 

tea culture freebirdtour

 

ชาเครื่องดื่มกลิ่นหอมที่ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่ากาแฟ ชาที่เราเห็น และรู้จักมีหลากหลายสายพันธุ์ และหลายประเภท ขึ้นอยู่กับว่าจะแบ่งตามอะไร เช่น ชาอู่หลง ชาขาว ชาเขียว ชาดำ  แม้จะมีชื่อเรียกต่างกันแต่ก็มาจากต้นชาเดียวกันเพียงแต่ผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ต่างกันออกไป

เสน่ห์ของชาไม่ใช่แค่เพียงรสชาติ และกลิ่นที่เตะจมูกเท่านั้นแต่ยังหมายรวมไปถึงวัฒนธรรมการดื่มชา การชงชา อุปกรณ์ และภาชนะที่เกี่ยวข้อง สิ่งเหล่านี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และเป็นเสน่ห์การดื่มชาของแต่ละประเทศ ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ ชวนเที่ยวต่างประเทศผ่านเรื่องราววัฒนธรรม "ชา" ประเทศไหนก็เหมือนกันจริงหรือ 

 

ชาอินเดีย 

india masala tea freebirdtour

 

หากใครเคยไปเที่ยวประเทศอินเดีย คงจะได้เห็นร้านขายชาร้านเล็กร้านน้อยกระจายอยู่ทั่วไป แม้แต่ตามตรอกซอกซอยเล็กๆ หรือตามแหล่งชุมชนใหญ่ๆของอินเดีย ร้านขายชาเหล่านี้มักมาพร้อมกับลีลาท่าทางอันกระฉับกระเฉงของคนขายที่ตักโน่นใส่นี่ดูแล้วเพลิดเพลิน  คนอินเดียนิยมดื่มชากันมากๆ โดยไม่สนว่าต้องดื่มเวลาไหน เรียกว่าอยากดื่มเวลาไหนก็หาดื่มได้ตลอดเวลา

 

ชาที่อินเดียเรามักจะคุ้นกับชื่อที่เรียกว่า Chai หรือ Masala Chai เป็นกรรมวิธีในการชงชาแบบอินเดีย ชาที่คนอินเดียนิยมดื่มมักผสมกับนม น้ำตาล และเครื่องเทศสารพัดชนิด เช่น กระวาน อบเชย ขิง กานพลู จันทน์เทศ โป๊ยกั๊ก เมล็ดผักชีล้อม รสชาติของ Chai จึงมีรสของเครื่องเทศอย่างชัดเจน บางคนนึกไม่ออกว่าชากับเครื่องเทศมันจะกินเข้ากันได้อย่างไร แต่ฟรีเบิร์ดทัวร์อยากจะบอกว่าหากเปิดใจแล้วจะได้รับรู้ว่ารสชาติมันอร่อย กลมกล่อมและเข้ากันได้จริงๆ

 

ชาที่ขายในอินเดียส่วนใหญ่เป็นชาอัสสัม(Assam Tea) เป็นสายพันธุ์หนึ่งของชาที่ตั้งชื่อขึ้นตามภูมิภาคของรัฐอัสสัมในประเทศอินเดีย รัฐอัสสัมเป็นแหล่งปลูกชาที่สำคัญ และใหญ่ที่สุดของอินเดีย และนับเป็นแหล่งปลูกชาที่สำคัญที่สุดของโลก ชาอัสสัมมักจะเก็บเกี่ยวปีละ 4 ครั้ง โดยเฉพาะครั้งแรกและครั้งที่สองจะเก็บเกี่ยวได้ดีที่สุด ชาอัสสัมมีความเข้มข้นทั้งกลิ่นและรส เมื่อนำมาผสมรวมกับนมก็ให้ความอร่อยหวานเข้มข้นเป็นที่ถูกใจของใครหลายๆคน

 

ชาอัสสัม(Assam Tea) นอกจากจะเป็นชาขึ้นชื่อของอินเดียแล้ว ชาดาร์จีลิง(Darjeeling Tea) ก็เป็นชาขึ้นชื่อของอินเดียเช่นกัน ชาดาร์จีลิง(Darjeeling Tea) ปลูกในเมืองดาร์จีลิง ของประเทศอินเดีย แต่สายพันธุ์ของชาดาร์จีลิงนี้ได้นำมาจากจีน ชาดาร์จีลิงเป็นชาที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของอินเดีย และเมื่อไปถึงอินเดียแล้วจะไม่ลองกินอาหารถิ่นของเขาก็ถือว่าไปไม่ถึงนะจ๊ะนายจ๋า ฟรีเบิร์ดทัวร์ชวนอ่าน ฮัดช่า....10 เมนูเด็ดที่ต้องลองเมื่อไปอินเดีย

 

ชาศรีลังกา

srilanka tea freebirdtravel

 

 

สำหรับคอชาคงจะมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก "ชาซีลอน"(Ceylon Tea) ชาดีจากศรีลังกา และเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศ

ศรีลังกามีภูมิประเทศที่เหมาะสมต่อการปลูกชา มีภูเขาสูง มีปริมาณน้ำฝนที่เหมาะสม มีสภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ศรีลังกาแบ่งพื้นที่ปลูกชาระดับความสูงที่ต่างกัน ด้วยระดับความสูงที่ต่างกันของพื้นที่จึงทำให้ชาที่ได้มีความแตกต่างกันทั้งกลิ่น สี และความเข้มของรส แม้ศรีลังกาจะมีพื้นที่จำกัดในการปลูกชาแต่ก็ไม่สามารถจำกัดความโด่งดังของชาซีลอนไปยังทั่วโลกได้

 

ในสมัยก่อนชาวศรีลังกาก็ไม่ได้นิยมดื่มชาเหมือนปัจจุบัน แต่ครั้งหนึ่งเคยเกิดโรคระบาดในกาแฟ จึงได้มีการเปลี่ยนมาปลูกชาแทน รวมทั้งประเทศศรีลังกาเคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษจึงได้รับการถ่ายทอดวัฒนธรรมการดื่มชามาจากอังกฤษ ชื่อของชาซีลอนมาจากชื่อของประเทศ ซึ่งเดิมประเทศศรีลังกามีชื่อเรียกว่าซีลอน

 

ชาซีลอน ไม่ได้มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้นแต่มันยังเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของชาวศรีลังกา และนับเป็นส่วนสำคัญของการท่องเที่ยวประเทศศรีลังกาอีกด้วย และแม้ชาซีลอนจะมาทีหลังชาของจีนและอินเดีย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าในตัวชาซีลอนน้อยลงไป หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวศรีลังกา "ชาซีลอน" จึงเป็นของฝากจากศรีลังกาที่พลาดไม่ได้

 

ชาญี่ปุ่น

matcha tea freebiedtour

 

ถ้าพูดถึงประเทศที่เกี่ยวข้องกับชา หนึ่งในนั้นที่เรามักจะนึกถึงก็ต้องเป็นประเทศญี่ปุ่น ชาที่ปลูกในญี่ปุ่นแรกเริ่มได้นำสายพันธุ์มาจากจีน และมีการพัฒนาสายพันธุ์กันต่อมา

คนญี่ปุ่นนิยมดื่มชาเขียว หรือ Ryokucha(緑茶 เรียวกุฉะ) ชาเขียวที่ญี่ปุ่นมีให้เลือกหลายชนิด เช่น เซนฉะ(Sencha), มัทฉะ(Matcha), เกียวคุโระ(Gyokuro),โฮจิฉะ(Hojicha), เก็นไมฉะ(Genmaicha), ชินฉะ(Shincha) ความแตกต่างของแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับวิธีการปลูก ช่วงเวลาการเก็บ และกรรมวิธีการผลิต สิ่งเหล่านี้เป็นตัวแยกความแตกต่างของรสชาติ และกลิ่นของชา


แหล่งปลูกชาที่สำคัญในญี่ปุ่นอยู่ที่จังหวัดชิซูโอกะ(Shizuoka) ที่นี่ถือเป็นแหล่งปลูก และผลิตชาเขียวที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ว่ากันว่าชาเขียวชั้นดีก็มาจากชิซูโอกะนี่เอง ชิซูโอกะมีไร่ชาที่ให้นักท่องเที่ยวแวะไปถ่ายรูป ไปดูกระบวนการผลิตได้ด้วย

จังหวัด Shizuoka นอกจากเป็นแหล่งปลูกชาที่สำคัญแล้ว ก็ยังเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิ เราจะได้ถ่ายรูปไร่ชาพร้อมๆกับภูเขาไฟฟูจิได้ในเฟรมเดียว สุดยอดไหมล่ะ และที่ฟรีเบิร์ดทัวร์ชอบมากของเมืองชิซูโอกะก็คือการเดินทางในชิซูโอกะให้ความรู้สึกเหมือนภูเขาไฟฟูจิตามหลอกหลอนตลอดเวลา เดินไปทางนั้นก็เห็น เดินไปมุมนี้ก็เจอ นั่งรถไฟไปโน่นไปนี่ก็เห็น เรียกว่าเบื่อฟูจิกันไปเลย

การที่ Shizuoka เป็นที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ชาเขียวของที่นี่มีคุณภาพยอดเยี่ยมเพราะน้ำที่ละลายจากหิมะบนภูเขาไฟฟูจิมีแร่ธาตุที่เอื้อต่อคุณภาพของชาเป็นอย่างมาก


อีกเมืองที่มีชื่อเสียงในการผลิตชาเขียวของญี่ปุ่นก็คือ เมืองอุจิ(Uji) จังหวัดเกียวโต(Kyoto) เรารู้จักชาที่นี่กันในชื่อ อุจิมัทฉะ ที่เมืองอุจิจะมีถนนอยู่เส้นหนึ่งที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของชาเขียว ทั้งร้านเครื่องดื่ม ร้านไอศกรีม ร้านขนมหวาน และร้านอาหารคาว Uji ยังเป็นที่ตั้งของวัดเบียวโดอิน(Bydo-in Temple) วัดแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก และสถาปัตยกรรมหลักของวัดยังปรากฎอยู่บนเหรียญ 10 เยน อีกด้วย วัดเบียวโดอิน(Bydo-in Temple)เดินมาได้จากถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าที่จำหน่ายชาเขียวนั่นเอง


ชาเขียวที่ญี่ปุ่นได้รับการยอมรับในเรื่องของคุณภาพ และคนญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้แค่นิยมนำมาดื่มอย่างเดียว แต่ชาเขียวก็ยังถูกนำมาสร้างสรรค์เพื่อสร้างความอร่อยให้ทั้งเมนูคาว และหวาน

แม้ว่าจุดเริ่มต้นในการดื่มชาของญี่ปุ่นจะมาจากจีน แต่ญี่ปุ่นก็คือญี่ปุ่นที่ทำเรื่องธรรมดาให้ไม่ธรรมดาขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง ญี่ปุ่นได้ทำให้การดื่มชากลายมาเป็นวัฒนธรรม มีเอกลักษณ์ ละเมียดละไม และทรงคุณค่าจนเป็นที่จดจำอย่างพิธีชงชา ฟรีเบิร์ดทัวร์ชวนอ่าน 8 สิ่งที่พบบ่อยในญี่ปุ่น

 

ชาอังกฤษ

english tea freebirdtour

 

การดื่มชาในอังกฤษเรามักจะนึกถึง "English Breakfast Tea" ชาวอังกฤษเป็นอีกประเทศที่นิยมดื่มชาเป็นอย่างมาก ในอดีตชาเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันเฉพาะในชนชั้นสูงเท่านั้น เพราะสมัยก่อนชาถือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย มีราคาสูงและหายาก ต่อมาราคาของชาถูกลงจึงได้แพร่หลาย และนิยมในคนทุกกลุ่ม ช่วงเวลาในการดื่มชาของคนอังกฤษนั้นก็เริ่มตั้งแต่เช้า Breakfast Tea เป็นช่วงเวลาการดื่มชาพร้อมกันกับอาหารมื้อเช้า

 

Afternoon Tea เป็นการดื่มชา หรือจะเรียกว่าจิบชาก็ได้ในช่วงบ่ายอาจเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. ไปจนถึงเวลา 19.00 น. ก่อนอาหารค่ำทำให้การดื่มชาในช่วงนี้ลดความหิวระหว่างวันได้เป็นอย่างดี Afternoon Tea มักจะเสริฟมาพร้อมกับของว่าง เช่น แซนด์วิช สโคน คุกกี้ ขนมอบต่างๆ และสุดท้ายคือ Meal Tea or Meat Tea เป็นการดื่มน้ำชาร่วมกับอาหารมื้อค่ำ

 

ชาที่นิยมดื่มในอังกฤษ คือ ชาดำ(Black Tea) เช่น ชาซีลอน(Ceylon Tea) ของศรีลังกา รสชาติมีความเข้มข้น น้ำชามีสีสวย, ชาอัสสัม(Assam Tea) ของอินเดีย มีสีและรสชาติเข้มข้นเหมาะที่จะนำไปผสมปรุงแต่งกับชาชนิดอื่นๆอีกด้วย รวมถึงชาจากจีนก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ชาเหล่านี้นิยมดื่มในช่วงเช้าเพื่อให้เริ่มต้นวันด้วยความสดชื่น ,ชาดาร์จีลิง(Darjeeling Tea) จากอินเดีย เป็นชาที่มีกลิ่นหอมละมุน รสชาติแม้จะออกฝาดแต่ก็มีความกลมกล่อม นิยมดื่มในช่วงบ่าย และชาอีกอย่างที่นิยมดื่มในช่วงเย็นคือ ชาเอิร์ลเกรย์(Earl Grey Tea) ซึ่งเป็นชาที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบมากในอังกฤษ ชาเอิร์ลเกรย์(Earl Grey Tea) จะเป็นการผสมกันของชาดำกับมะกรูดทำให้มีกลิ่นหอมสดชื่น

 

ชาอีกอย่างที่เรามักจะได้ยินชื่อบ่อยๆ คือ ชาอิงลิชเบรกฟาสต์ เป็นชาที่เกิดการผสมกันของชาหลายชนิด เช่น ชาซีลอน(Ceylon Tea) ชาอัสสัม(Assam Tea) และชาเคนยา เป็นหนึ่งในการเบลนด์ชา(Blend tea) ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

 

แม้การดื่มชาในปัจจุบันของชาวอังกฤษจะเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปทุกชนชั้น ทุกเวลาจนถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่การดื่มชาในบางคนก็แฝงความละเมียดละไมไว้ด้วยการจัดแต่งอุปกรณ์ ภาชนะ สถานที่ ให้การดื่มชามีความสุนทรีย์มากขึ้น เช่น แก้วลายสวยสไตล์ผู้ดีอังกฤษ ชั้นวางขนมที่แต่งแต้มสีทองอร่ามดูหรูหรา รวมไปถึงโต๊ะเก้าอี้ และบรรยากาศของสวนสวย และดอกไม้ รวมทั้งการดื่มชาเป็นส่วนหนึ่งของการพูดคุย และพักผ่อนระหว่างวันอีกด้วย จิบชาแบบคนอังกฤษไปแล้ว ฟรีเบิร์ดทัวร์ก็ขอชวนไปชิม 9 ของอร่อยควรลิ้มลองเมื่อไปอังกฤษ

  

ชาตุรกี

turkish tea freebirdtour

 

ชา หรือคนตุรกีเรียก Cay ชาเป็นเครื่องดื่มที่นิยมมากในตุรกี เราจะพบเห็นบรรยากาศของการดื่มได้ทั่วไป แม้แต่ในตลาดขายของ ก็มีคนเดินขายชากันแทบทุกซอย คนตุรกีนิยมดื่มชาดำแบบร้อน ชาของตุรกีจะเสริฟมาในแก้วใสทรงทิวลิป พร้อมน้ำตาลก้อนสี่เหลี่ยมเล็กสีขาว ชาที่เราเห็นในตุรกีนอกจากชาดำธรรมดาแล้ว ที่นั่นเราก็ยังเห็นชาสำเร็จรูปที่มีผลไม้เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ชาแอปเปิ้ล ชาทับทิม สร้างความสดชื่นและเพิ่มกลิ่นหอม

 

คนตุรกีชอบดื่มชาเป็นชีวิตจิตใจ เพราะเหตุผลนี้ชาที่ปลูกในตุรกีส่วนใหญ่จึงใช้บริโภคอยู่ภายในประเทศเป็นหลัก  แหล่งปลูกชา และผลิตชาที่สำคัญของตุรกีอยู่ที่เมือง Rize ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลดำ เมืองนี้ไม่ใช่แค่เป็นแหล่งปลูกชาที่สำคัญแต่ยังมีธรรมชาติที่สวยงาม มีหุบเขา และเป็นที่ชื่นชอบของ Trekking ทั้งหลาย

 

เสน่ห์อีกอย่างของการได้จิบชาตุรกีก็คือ ภาชนะที่เกี่ยวข้องนี่แหล่ะทั้งถาดวาง กาน้ำชา แก้วชา หรือแม้แต่กาชาสองชั้น ก็สวยงามน่าใช้ และน่าเก็บสะสม ให้อารมณ์ Turkish แบบแท้ๆ หากไปตุรกีสิ่งนี้่เป็นของฝากที่น่าซื้อกลับมาพอๆกับชาของเขาเลย ตุรกีไม่ได้มีชื่อเสียงแค่ชา แต่ที่ตุรกีก็ยังมีจุดเด่นของวิธีการชงกาแฟแบบดั้งเดิม หม้อต้มกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์และนับเป็นของฝากที่นักท่องเที่ยวมักหิ้วกลับมา Turkish Coffee กาแฟตุรกี เมื่อมีโอกาสไปเที่ยวตุรกีทั้งที่ของฝากจากตุรกีคงไม่ได้มีดีแค่ชา และหม้อต้มกาแฟแต่ตุรกีก็ยังมีของฝากอีกมากมาย ฟรีเบิร์ดทัวร์ชวนชอป ของฝากจากตุรกี

 

 

ชาโมรอคโค

morocco tea freebirdtour

 

ชาวโมรอคโคนิยมดื่มชาเขียวผสมกับใบมินต์ เติมความหวานด้วยน้ำตาล ใบมินต์ทำให้น้ำชามีกลิ่นหอมสดชื่น ชามินต์ที่ชาวโมรอคโคดื่มมีทั้งแบบร้อน และแบบเย็น แบบร้อนจะถูกใส่มาในกาชาลายสวย พร้อมแก้วชาที่แสดงความเป็นโมรอคโค หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวโมรอคโคก็อย่าลืมลองจิบชามินต์กลิ่นหอมกันนะคะ  และก็ต้องไม่พลาดชิมอาหารท้องถิ่นของโมรอคโคด้วย กินอาหารถิ่นเที่ยวเมืองสวยที่โมรอคโค สำหรับสายชอปปิ้งก็ต้องไม่พลาด ของฝากน่าซื้อจากโมรอคโค อีกเช่นกัน ก่อนที่จะเดินทางไปโมรอคโคมาเตรียมความพร้อมกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันก่อน คลิกอ่าน เรื่องน่ารู้ก่อนเที่ยวโมรอคโค (MOROCCO)

 

ชาจีน

china tea

 

ปิดท้ายกันด้วยประเทศจีน ถ้าพูดถึงเรื่องของชาว่าเกี่ยวข้องกับประเทศไหนมากที่สุด ฟรีเบิร์ดทัวร์จะนึกถึงประเทศจีนเป็นประเทศแรก ชาจีน เป็นชื่อติดหู เป็นภาพติดตาของฟรีเบิร์ดทัวร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งใครที่ชอบดูหนังจีน และซีรีส์จีน คงไม่มีเรื่องไหนที่พลาดฉากดื่มน้ำชาเป็นแน่ จีนนับเป็นต้นกำเนิดของชา และชาก็เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของชาวจีนจนแยกไม่ออก

ชาจีนแบ่งแยกตามสายพันธุ์ และก็แบ่งแยกตามกระบวนการผลิตได้มากมาย สายพันธุ์ของชาจีนเป็นจุดเริ่มต้นที่กระจายไปยังประเทศต่างๆ จีนเป็นประเทศที่ผลิตชาได้มากที่สุดในโลก เรียกว่าเป็นเจ้าแห่งชาเลยก็ว่าได้

ประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่ ชาวจีนในแต่ละพื้นที่ก็มีความชอบในรสชาติของชาไม่เหมือนกัน วิธีการชงชาของจริงบางท้องถิ่นก็ไม่เหมือนกัน การได้ไปเที่ยวเมืองจีน และได้นั่งพักจิบน้ำชาก็ให้ความรู้สึกดีจริงๆ

 

25 October 2021 | สงวนลิขสิทธิ์ห้ามลอกเลียนบทความทุกกรณี


         

 



 

- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -   

สนใจโปรแกรมทัวร์ต่างประเทศคลิกที่นี่

 

คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์

โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 , 094-782-6888 และ 093-570-3000

    instagramfreebirdtour  twitter freebirdtour  Youtube freebirdtour    

Visitors: 410,537