7 มหัศจรรย์ถ้ำสวย

         

7 caves

 

 

“ถ้ำ” ความสวยงามที่เกิดจากธรรมชาติ และเป็นถิ่นกำเนิดแรกที่มนุษย์ใช้อยู่อาศัย ภายในถ้ำบางแห่งจึงมีอารยธรรมของมนุษย์ถ้ำถูกทิ้งไว้ให้มนุษย์รุ่นหลังได้ศึกษา  ดังนั้นเราจะกลัวเที่ยวถ้ำไปใย  ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ พาเที่ยวถ้ำสวยๆ  ถ้ำสุดแปลก สุดฮิป เลือกเที่ยวตามประเทศที่อยากไปจะมีที่ไหนบ้างไปดูกัน

 

 

1. นครถ้ำเมเตรา(Matera) ประเทศอิตาลี

 

นครถ้ำเมเตรา(Matera) นครเก่าแก่โบราณมีอายุอานามกว่า 9,000 ปีมาแล้ว เมืองนี้ตั้งอยู่แคว้นบาซีลีกาตา(Basilicata) เป็นเมืองที่หากมาทางอิตาลีตอนใต้แล้วไม่ควรพลาดมาเยี่ยมชม ภายในเมืองจะมีบ้านเรือนหลายแห่งที่มีสถาปัตยกรรมตั้งแต่ยุคสมัยไบแซนไทน์(Byzantine) สมัยก่อนมนุษย์ใช้ภูมิปัญญาในการขุดเจาะเข้าไปในภูเขาเพื่อสร้างเป็นที่อยู่อาศัย และได้ปรับแต่งภายนอกจนดูแปลกตาเป็นอย่างมาก ช่วงพลบค่ำจะมีการเปิดไฟตามท้องถนนมองวิวจากมุมสูงดูสวยงดงามยิ่งนัก และไฮไลท์อีกอย่างของเมืองนี้คือการนอนโรงแรมที่ใช้ถ้ำปรับแต่งเป็นที่พักสุดสวยให้นักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์มนุษย์ถ้ำแบบของจริง แม้จะทำให้เหมือนถ้ำแต่ภายในโรงแรมนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

แต่เราควรจะไปเที่ยวช่วงไหนดีคลิกอ่าน เที่ยวอิตาลีช่วงไหนดี  เที่ยวถ้ำกันเสร็จแล้วก็ไปช้อปปิ้งต่อกันดีกว่าคลิกอ่าน ไปอิตาลีซื้ออะไรดีน๊า

 

matera italy freebirdtour

 

 

2. นครใต้ดินไคมัคลี(Kaymakli Underground City)  คัปปาโดเกีย ประเทศตุรกี

 

ไม่มีธรรมชาติไหนจะแปลกตาเท่ากับพื้นที่แถวเมืองคัปปาโดเกีย ประเทศตุรกี อีกแล้ว พื้นที่สุดแปลกที่ว่านี้เกิดจากการทับถมของเถ้าภูเขาไฟเป็นชั้นตะกอนบวกกับลมฟ้าลมฝนทำให้เกิดรูปทรงแปลกตา ในอดีตด้วยภัยสงครามทำให้มนุษย์ต้องหลบหนีศัตรูเข้าไปตั้งรกรากอยู่ในถ้ำที่เกิดจากเถ้าของหินภูเขาไฟ มีการขุดเจาะพื้นดินลงไป 10 กว่าชั้น  ภายในมีการจัดโซนแบ่งห้องได้อย่างอัศจรรย์ ทั้งห้องนอน ห้องครัว ห้องเก็บอาหาร ห้องถนอมอาหาร ห้องหมักไวน์ โบสถ์ ห้องน้ำก็มี นี่มันโรงแรมในยุคเก่าชัดๆ แต่ไม่แนะนำสำหรับคนกลัวที่แคบและความมืด เนื่องจากมีบางจุดที่ต้องเดินผ่านจุดแคบๆ ประเทศตุรกียังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ตามไปเที่ยวกับ 17 สถานที่ต้องห้ามพลาดเมื่อไปตุรกี ไปเที่ยวตุรกีช่วงไหนดีตุรกีสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีแต่ละช่วงก็มีสภาพอากาศแตกต่างกันใครชอบอากาศแบบไหนก็ไปในช่วงเวลานั้นรับรองไม่ผิดหวัง เที่ยวเสร็จแล้วก็อย่าลืมแวะช้อปของฝากกันด้วยนะตุรกีมีอะไรน่าช้อปอ่านที่นี่ ช้อปอะไรในตุรกี เมื่อมาถึงตุรกีแล้วก็ต้องไม่พลาดกับ 8 เมนูห้ามพลาดเมื่อไปตุรกี

 

 

cappadocia

 

 

3. ถ้ำคริสตัล(Crystal Cave) ประเทศไอซ์แลนด์

 

ถ้ำคริสตัล(Crystal Cave) ชื่ออาจจะดูเหมือนเป็นแร่คริสตัลแต่แท้จริงแล้วถ้ำแห่งนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยเกิดจากการแข็งตัวของธารน้ำแข็งสวีนาเฟลล์โจกุล(Svinafellsjokull Glacier) การจะเข้าไปเที่ยวในถ้ำนั้นจะต้องอาศัยความหนาวเย็นของอุณหภูมิในฤดูหนาว เพราะถ้ำเกิดจากน้ำแข็งจะได้ไม่มีการละลาย ภายในถ้ำเรียกได้ว่าสวยสุดๆเลยเพราะสิ่งที่จะพบคือเสาของน้ำแข็ง ริ้ว รูปทรงต่างๆ สีฟ้าคราม สะท้อนแสงอาทิตย์จากด้านบนสวยเกินจินตนาการ

 

ice cave iceland

 

 

4. ถ้ำโพสตอยน่า(Postojna Jama) ประเทศสโลวีเนีย

 

ถ้ำสุดสวย มีฉายาสวยๆเก๋ๆ ว่า “ราชินีแห่งถ้ำ”(QUEEN OF CAVES) ความสวยงามที่เกิดจาการกัดเซาะของแม่น้ำใต้ดินที่ใช้เวลานานแสนนานจนกลายเป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ มีความยาวภายในถ้ำกว่า 24 กิโลเมตร ภายในถ้ำมีโพรงน้อยใหญ่ ห้องเล็กห้องน้อยแตกต่างกันไป การเที่ยวชมนั้นจะต้องนั่งรถรางที่มีจัดไว้เข้าไป และจะมีผู้บรรยายตามทางถึงรูปทรงภายในถ้ำ หินงอก หินย้อยรูปทรงต่างๆ สะท้อนไฟ สวยแปลกตา

 

และสิ่งที่ห้ามพลาดคือการชมสิ่งมีชีวิตสุดอัศจรรย์ที่ทั่วทั้งโลกมีแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้นก็คือ โอล์ม(olm) หรือนักท่องเที่ยวจะรู้จักกันอีกชื่อคือเจ้าลูกมังกร(baby dragon) เพราะรูปลักษณ์ของมันช่างละม้ายคล้ายกับมังกรซะนี่กระไร แต่จริงๆแล้วมันก็คือ ซาลาแมนเดอร์ชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในน้ำ เจ้าตัวนี้ไม่มีตาและมีผิวหนังสีขาวซีดที่โปร่งแสงเนื่องจากอาศัยอยู่ในถ้ำอันมืดสนิท ว่ากันว่าสามารถอดอาหารได้นานถึง 12 ปี และมีอายุยืนราว 100 ปี 


5. ถ้ำหนอนเรืองแสง(Waitomo Glowworm Caves) ประเทศนิวซีแลนด์

 

ธรรมชาติมักรังสรรค์สิ่งสวยงามให้ประดับคู่โลกเราเสมอเหมือนกับความมหัศจรรย์ของถ้ำแห่งนี้ที่ดูๆแล้วตัวถ้ำอาจจะเป็นแค่โพรงที่น้ำไหลผ่านธรรมดา แต่ความสวยงามที่ติดอันดับโลกของถ้ำแห่งนี้เป็นที่อาศัยของหนอนชนิดพิเศษที่มีแสงเรืองออกมาจากตัวสีฟ้าสวยงามท่ามกลางความมืดมิดของถ้ำราวกับคุณมองดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืน การเที่ยวถ้ำแห่งนี้ต้องนั่งเรือมาตามทางน้ำที่ทอดผ่านถ้ำ หากใครอยากสัมผัสประสบการณ์เอื้อมถึงท้องฟ้าก็ขอเชิญมายังถ้ำแห่งนี้

 

6. ถ้ำอชันตา ถ้ำเอโลรา(Ajanta Caves & Ellora Caves) ประเทศอินเดีย

 

ถ้ำทั้งสองแห่งนี้อยู่ที่เมืองออรังคาบัด(Aurangabad) รัฐมหาราษฏร์ ของประเทศอินเดีย อยู่ห่างกันราว 100 กิโลเมตร ทั้งสองถ้ำเกิดขึ้นจากความศรัทธาในพุทธศาสนา มีการขุดเจาะผาหินเข้าไปเป็นถ้ำ ภายในถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตรบรรจงมีการแกะสลักเรื่องราวตามพระพุทธศาสนา รวมถึงภาพเขียนสีบนผนังถ้ำบอกเล่าเรื่องราวต่างๆได้อย่างน่าสนใจ ถ้ำทั้งสองได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก 

 

ajanta caves

ภาพโดย VgBingi จาก Pixabay

 

ellora caves

ภาพโดย VgBingi จาก Pixabay

 

  

7. ถ้ำขลุ่ยอ้อ(Reed Flute Cave) หรือหลูตี๋เหยียน กุ้ยหลิน ประเทศจีน 

 

ถ้ำขลุ่ยอ้อสุดยอดมรดกทางธรรมชาติอีกแห่งที่อยู่ในแผ่นดินจีน ที่มาของชื่อมาจากในอดีตบริเวณปากถ้ำมีต้นอ้อเป็นจำนวนมากที่ชาวจีนนิยมนำมาทำขลุ่ยนั่นเอง ความมหัศจรรย์ของถ้ำคือภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตลอดทางในถ้ำมีการประดับประดาภาพเขียนสีโบราณตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง ตามทางมีการประดับประดาไฟสีสันต่างๆ

 

reed flute cave

ภาพโดย Tracey Wong จาก Pixabay

 

 

จริงๆ แล้วในโลกใบนี้ยังมีถ้ำสวยๆ อีกมากมาย เช่น ถ้ำBlue Cave ประเทศโครเอเชีย(Croatia) , ถ้ำฟิงกัล(Fingals Cave)
ประเทศสก็อตแลนด์(Scotland) , ถ้ำบาตู(Batu Cave) ประเทศมาเลเชีย(Malaysia) , ถ้ำคริสตัลยักษ์(Cave of the Crystals) ประเทศเม็กซิโก(Mexico) และแม้แต่ในประเทศไทยเองก็มีถ้ำดังๆ อยู่หลายแห่งเช่นกัน แต่ถ้าใครไม่ชอบที่มืด ที่แคบ ฟรีเบิร์ดทัวร์ ก็ไม่ขอแนะนำ

 

 

         

 

 


 

 

- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -   

สนใจโปรแกรมทัวร์ต่างประเทศคลิกที่นี่

 

คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์

โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 , 094-782-6888 และ 093-570-3000

    instagramfreebirdtour  twitter freebirdtour  Youtube freebirdtour    

 

 


Visitors: 410,504