แคนาดา ความไม่ธรรมดาแห่งเทือกเขาร็อกกี้

 

         

 

เที่ยวแคนาดา

ประเทศแคนาดา(Canada) เป็นประเทศที่มีพื้นที่อันกว้างใหญ่ และไม่ได้ใหญ่ธรรมดาแต่ใหญ่เป็นถึงอันดับสองของโลก และยังเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกาทั้งหมด แคนาดาอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือติดกับสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่ล้นหลามไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แต่ละสถานที่ต้องบอกเลยว่ามันสุดยอดมาก ธรรมชาติของแคนาดาสวยไม่เหมือนใคร ภูเขาอลังการ ต้นสนสวยงาม ทะเลสาบใสราวกระจก ผสมผสานกันอย่างลงตัวของธรรมชาติและกลิ่นอายของวัฒนธรรม ผู้คน ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย เกริ่นมาขนาดนี้ตาม ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ ไปดื่มด่ำกับ 10 แหล่งท่องเที่ยวที่คัดมาเน้น ๆ จนต้องร้องว้าว รีบจัดเสื้อผ้าเก็บกระเป๋าจองทัวร์แคนาดาแบบด่วนๆกันเลยทีเดียว ว่าแต่ 10 แหล่งท่องเที่ยวเด็ดๆมีที่ไหนบ้างตามไปดูกันเลย

 

1. อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park)

มาเยือนแคนาดาต้องไม่พลาดอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ อยู่ในเขตเทือกเขาร็อกกี้ รัฐแอลเบอร์ตา (Alberta)  อุทยานแห่งนี้มีความเก่าแก่มากที่สุดในแคนาดา และยังได้รับการขนานนามว่าเป็นอัญมณีแห่งเทือกเขาร็อกกี้ ที่นี่มีธารน้ำแข็งขนาดใหญ่และนับเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ มีทะเลสาบสีเขียวมรกต และสีฟ้าครามอย่างทะเลสาบหลุยส์ (Lake Louise) มีป่าไม้ที่เปลี่ยนสีสลับไปตามแต่ละช่วง มีหิมะที่คลืบคลานเข้ามาปกคลุมเทือกเขาเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ทั้งหมดนี้คือความสวยงามลงตัวสุดจะบรรยาย และนอกจากจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติทั้งหมดที่กล่าวมาภายในอุทยานยังมีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น หมีกริซลี หมีดำ แพะภูเขา กวางมูส ให้เราได้เพลิดเพลินตื่นตาตื่นใจอีกด้วย

Banff National Park

 

 

2. น้ำตกไนแองการา (Niagara Falls)

น้ำตกขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ในแถบประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ประกอบไปด้วยน้ำตก 3 แห่ง คือ น้ำตกเกือกม้า(Horseshoe Falls), น้ำตกอเมริกา(American Falls) และน้ำตกไบรดัลเวล(Bridal Veil Falls) วิวจากฝั่งแคนาดาท่านจะได้ใกล้ชิดกับน้ำตก Horseshoe Falls ย้ำว่าใกล้ชิดสุด ๆ และสิ่งที่นับเป็นไฮไลท์ก็ต้องยกให้ช่วงกลางคืนเพราะจะมีแสงสีสาดส่องไปที่น้ำตกสวยงามแปลกตา การท่องเที่ยวน้ำตกจากฝั่งแคนาดามีความพิเศษอีกอย่างคือโรงแรมที่นี่มีวิวน้ำตกให้เลือกอีกด้วย บอกเลยว่านอนนิ่ง ๆ ชมวิวจากในห้องพักก็เพลิดเพลินเหมือนกันนะ

 


3. มอนทรีอัล (Montreal)

มอนทรีอัลเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของแคนาดา เมื่อมีโอกาสมาเยือนเมืองนี้เหมือนได้มาสัมผัสบรรยากาศของฝรั่งเศสและยุโรป ผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่ใช้ภาษาฝรั่งเศสจึงทำให้โดยรวมๆแล้วดูมีเสน่ห์เหมือนประเทศฝรั่งเศสขนาดย่อม เหมาะเดินเที่ยวชมเมืองในย่านเมืองเก่า(Old Town) และย่านเมืองใหม่(New Town) หรือไปช้อปปิ้งที่ Underground city แหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ของที่นี่ ไฮไลท์ คือ วิหารนอร์ธเทอดาม (Notre Dame Basilica of Montreal) เป็นวิหารที่เก่าแก่ และยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองนี้

Montreal

Botanical Garden

Montrea

 

 

4. ควิเบก (Quebec)

ควิเบกเมืองสุดโรแมนติกที่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของฝรั่งเศส ควิเบกเป็นเมืองที่จะทำให้เราได้ใกล้ชิดทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม จะเดินเที่ยวชมทัศนียภาพของเมือง หรือจะไปยังท่าเรือเก่า(Old Port) เก็บภาพวิวสวยๆ ไปลงโซเชียลอวดบรรยากาศให้เต็มที่กันไปเลย

Quebec

Quebec

Quebec

 


5. โตรอนโต (Toronto)

โตรอนโตเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติเห็นได้จากแหล่งรวมย่านดังๆอย่าง ย่านไชน่าทาวน์, ย่านโคเรียทาวน์, ย่านลิตเติ้ลอิตาลี และย่านกรีกทาวน์ เป็นต้น สถานที่ที่นับเป็นไฮไลท์ที่เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กอย่าง CN Tower ถูกยกให้เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในซีกโลกตะวันตก ทัศนียภาพของเมืองที่มองลงมาจากด้านบนของหอคอยนี้มีความสวยงามดูทันสมัยแสดงถึงความรุ่งเรืองของเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี

Toronto

Night Toronto

Toronto

 


6. วิสเลอร์ (Whistler)

เมืองวิสเลอร์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองตากอากาศ และเป็นเมืองสกีรีสอร์ทอันดับหนึ่งของทวีปอเมริกาเหนือ ที่นี่เคยเป็นสถานที่จัดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2010 เมืองวิสเลอร์อยู่ไม่ไกลจากแวนคูเวอร์ บรรยากาศของเมืองนี้ถูกล้อมด้วยธรรมชาติที่จะทำให้คุณดื่มด่ำได้อย่างเต็มอิ่ม สำหรับท่านที่มาในช่วงหน้าร้อนก็จะได้สัมผัสกับกิจกรรมเดินป่า เดินสำรวจธรรมชาติบนเขาสวย การปั่นจักรยาน และสุดท้ายเอาใจขาช้อปทั้งหลายด้วยร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่มีให้เลือกสรรมากมาย รวมไปถึงร้านอาหารที่เชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายแวะไปลองชิมกันด้วย

Whistler

 


7. ออตตาวา (Ottawa)

ออตตาวาเป็นเมืองหลวงของแคนาดาที่มีชีวิตชีวา มีความปลอดภัยและสวยงามและถึงจะเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่แต่มีประชากรอาศัยอยู่น้อยจึงทำให้ออตตาวาเป็นเมืองที่ไม่อึดอัดแม้จะมีนักท่องเที่ยวทยอยเข้ามาเที่ยวเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวที่มาถึงออตตาวาจะได้เยี่ยมชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ ที่มีกระจายอยู่ทั่วเมือง และผู้ที่มาถึงที่นี่แล้วต้องไม่พลาดที่จะไปชมความอลังการของอาคารรัฐสภา (Parliament Hill) อาคารแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองและเป็นจุดที่สามารถมองเห็นความงดงามของแม่น้ำออตตาวาได้อีกด้วย

parliament hill ottawa

 


8. คัลการี (Calgary)

คัลการีเมืองตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ คัลการีเคยได้รับการโหวตว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ติดอันดับ Top 5 ของโลกเลยนะ เมืองนี้เป็นแหล่งน้ำมันดิบที่สำคัญของประเทศ คัลการียังเต็มไปด้วยธรรมชาติ ความมีชีวิตชีวา และกิจกรรมที่หลากหลาย   มั่งคั่งคึกคักเหมาะที่จะไปพักผ่อนซึมซับธรรมชาติ ด้วยภูมิประเทศที่ประกอบไปด้วยความสูงชันของเทือกเขาร็อกกี้ ความกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาของทุ่งหญ้าแพรี่ นอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้วเมืองนี้ยังถูกยกให้เป็นเมืองคาวบอยจากการจัดงานเทศกาลคาวบอย (Calgary Stampede) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Calgary

 


9. แวนคูเวอร์ (Vancouver)

แวนคูเวอร์เมืองท่าชายฝั่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศแคนาดา ชื่อของเมืองถูกตั้งขึ้นโดยนักสำรวจชาวอังกฤษชื่อ "จอร์จ แวนคูเวอร์" 

สถานที่ท่องเที่ยวดังๆในแวนคูเวอร์ที่ต้องห้ามพลาด เช่น ย่าน Gastown โซนเมืองเก่าแก่ ที่มีรูปปั้น Gassy Jack และนาฬิกาที่เดินได้ด้วยพลังไอน้ำเรือนแรกของโลก ทั้ง 2 อย่างนี้เป็นที่รู้ๆ กันว่าหากมาแล้วต้องมีรูปคู่สักช็อต สองช็อต ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงเมืองแวนคูเวอร์เชียวนะ และต้องไม่พลาด สแตนลีย์ พาร์ค (Stanley Park) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ในแวนคูเวอร์ที่ถูกยอมรับจากผู้คนที่เคยมาเยือนว่าเป็นสวนสาธารณะที่ดีที่สุดในโลก องค์ประกอบหลายๆ อย่างในสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นด้านนอกที่มีทั้งเส้นทางวิ่ง เส้นทางจักรยาน จุดปิกนิก ส่วนด้านในจะเป็นอุทยาน ทำให้มีหลากหลายกิจกรรม และภายในที่แห่งนี้มีกลุ่มของเสารูปทรงแปลกต่างๆ ที่เรียกกันว่าโทเทมให้ได้เดินชมกันอีกด้วย

Vancouver

Stanley Park

 


10. โคลัมเบีย ไอซ์ ฟิลด์ (Columbia Icefield)

โคลัมเบีย ไอซ์ ฟิลด์ เป็นธารน้ำแข็งกลาเซียร์(Glacier) มีอายุนับหลายล้านปี พูดถึงเรื่องขนาดของพื้นที่เทียบให้เห็นภาพก็ขนาดพอๆกับเมืองหนึ่งเมือง เนินเขาที่ถูกคลุมด้วยหิมะหนาหลายเมตรเป็นสถานที่ใฝ่ฝันของนักสกีตัวยง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ต้องไม่พลาดที่จะไปโลดแล่นบนเส้นทางแห่งนี้

Columbia Icefield

 

 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับสถานที่ต่างๆ ในประเทศแคนาดา เรียกได้ว่าไปประเทศเดียวเที่ยวครบปลดล็อคความฟินกันแน่นอน ว่าแต่แคนาดาไปช่วงไหนดี ก็ต้องบอกว่าประเทศแคนาดาก็เหมือนกับประเทศอื่นๆที่เที่ยวได้ทุกช่วงตลอดทั้งปี แต่หากอยากไปสัมผัสใบไม้เปลี่ยนสีก็ขอแนะนำว่าควรไปช่วงปลายกันยายน - ตุลาคม ซึ่งจะเป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ในแต่ละปีอาจจะเปลี่ยนสีเร็วหรือช้าไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ อุณหภูมิ แสงแดด ความชื้นของอากาศ

ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของแคนาดา ต้นเมเปิ้ล โอ๊ค เบิร์ช และอื่นๆ จะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงบ้าง สีส้มบ้าง สีเหลืองบ้าง หลายหลากเฉดสี Colorful สุดๆ และถ้าใครมาถึงแคนาดาแล้วอย่าลืมลองชิม Maple Taffy  ของขึ้นชื่อของแคนาดาที่ทำมาจากไซรัปอร่อยทีเดียวเลย

แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าไปแคนาดาแล้วจะเริ่มเที่ยวตรงไหนก่อน ไปแคนาดาควรเที่ยวกี่วันดี โทรมาปรึกษากับทีมงานของ ฟรีเบิร์ดทัวร์ ได้นะครับ กลับสู่หน้าแรก หรืออ่านเรื่องอื่นๆอีก Blog ชวนเที่ยว



 

         

 

 


 

- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -   

สนใจโปรแกรมทัวร์แคนาดาคลิกที่นี่ 

 

คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์

โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 , 094-782-6888 และ 093-570-3000

 

    instagramfreebirdtour  twitter freebirdtour  Youtube freebirdtour    


Visitors: 410,526